• © ð ® ë Ñ Ð å R •

• M ¥ * ƒ ð M ï £ ¥ 9 4 6 •

• T ® Ï Ä M Û Ð ¤ M •

• P ¤ € M ™ •

แสงหนึ่งคือรุ้งงาม

แสงระยับวับวาวแพรวพราวรุ้ง ตะวันรุ่งส่องสว่างทางไสว
คือแสงหนึ่งนำทางที่กว้างไกล ทรงเป็นกำลังใจเป็นพลัง
แสงสีทองท้องฟ้าใสในวันนี้ คือแสงหนึ่งรุ้งสีงามอยู่เบื้องหลัง
ทรงเรียบง่าย ทรงรู้แจ้งเห็นจริงจัง ทรงพลังสร้างสรรค์กำลังใจ
ทรงอุทิศพระองค์เพื่อปวงชน ให้หลุดพ้นด้วยเมตตาจะหาไหน
ทรงให้เกียรติผู้อื่นทรงห่วงใย ด้วยดวงใจพระจริยาสง่างาม
ในวันนี้แสงหนึ่งเคย...ส่องสะท้อน แม้แสงอ่อน...แต่คงพลังหลั่งล้นหลาม
ปวงประชาชาวไทยทุกเขตคาม ขนานนาม “ แสงหนึ่ง ”ซาบซึ้งใจ

พระพี่นาง...ที่รักของเรา*

วันอังคารที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551

SUM SCORE*

...วันนี้คะแนน SUMMATIVE ออกมาอย่างเป็นทางการ

ทำเอาไอ้เอิงอึ้งกินไม่ได้นอนไม่หลับทีเดียว

รู้ทีละวิชาก็แย่พออยู่แล้ว

พอเอาทุกวิชามารวมกันในแผ่นเดียว

ยิ่งอยากจะร้องไห้ให้น้ำตาเป็นสายเลือด

เพื่อนๆต่างก้ได้คะแนนดีกันทั้งน้าน

มีแต่ไอ้เอิงตัวเดียวที่มานไม่ได้เรื่องได้ราวเล้ย

แย่มันทุกวิชา..แล้วงี้ชั้นจาได้อยู่ห้อง QUEEN มั้ยน้อ???

ห้อง KING ช้านไม่หวัง ขอ QUEEN ได้เป็นอันประเสริฐแล้น

นี่ก็ใกล้จาสอบ FINAL เข้ามาทุกทีแล้ว ไอ้เอิงต้องฟิตอ่านหนังสือด่วนจี๋

ติด SPEED วันแรกก็แบบว่ามหาโหด

รายการสอบวันแรก --->> 1.เลขยาก 2.เคมี 3.ภาษาอังกฤษ (Written & Oral) 4.ไทย

น่ากลัวมากๆเลย ใครจะไปทำได้ แค่เอาเลขยากมารวมกะ เคมี หัวก็จะระเบิดแล้ว

ดันมาเอาภาษาอังกฤษยัดเข้าไปซะอีกนี่

กะจาฆ่ากันให้ตายยยยยยยยย O-O

...สุดท้ายนี้ ไอ้เอิงขออวยพรให้มุกท่านโชคดีในการสอบ FINAL เถิด ...

*ส๊าธุ!!!!!!!!!!!!!

งาน THANKS พี่ห้อง..946

...เมื่อวันก่อนก้ไปเลี้ยงขอบคุณพี่ห้องมา
ที่ร้านอาหารแถวสยาม ก็มีเพื่อนๆในห้องไปเยอะแยะเลย
ส่วนพี่ห้องเองก้ไปเยอะเหมือนกัน
ดูเหมือน พวกผู้ชายจะเป็น head ในการจัดงานครั้งนี้
..ตุลย์ ก้อง มิ้ง กี้ ดูจะยุ่งมากกับงานนี้
ดูท่าทางน่าจะเหนื่อยเพราะว่าเป็นคนจัดการทุกอย่าง
ทั้งจองร้านอาหาร เอาเมนูมาให้เพื่อนเลือก
ชวนเพื่อน ชวนพี่ สั่งอาหาร ฯลฯ สงสารเพื่อนเหมือนกัน
แต่ก็ช่วยรัยไม่ได้เล้ย!!!

บรรยากาศภายในงาน...
เราจัดกันโดยเหมาทั้งชั้นเลย ก็มีร้องคาราโอเกะ ทานอาหาร
มีการให้ของขวัญระหว่างน้อนรหัสกับพี่รหัสห้อง
ทุกคนต่างก็ดูมีความสุข แต่ก็ไม่รู้ว่าที่พวกเรา
ทำไปวันนั้น จะทำให้พวกพี่เค้าประทับใจอย่างที่พวกพี่
เค้าหวังไว้หรือเปล่า เพราะว่าพวกพี่ก็ได้คุยกับน้องๆไม่นาน
แต่พวพี่เค้าน่ารักมาก ไม่บ่นสักคำเลย บอกแต่ว่างานนี้สนุก


...ส่วนใหญ่ถ้าใครได้ครองไมค์ร้องคาราโอเกะแล้ว
ก็จะไม่ยอมปล่อยให้มันหลุดมือไปง่ายๆ
ร้องมันอยู่นั่นแหละ มีผู้ชายห้องเราคนนึง
ร้องมันซะแทบทุกเพลง คงคิดว่าเสียงตัวเองเพราะมั้ง 55+
เพื่อนผู้หญิงห้องเราก็ร้องเหมือนกัน 55+
ไม่ว่าจะเป็นเพลง วันแดงเดือด หรือ ขอนไม้
แหม!! ผู้หญิงห้องเราก็ไม่เบานะเนี่ย
กล้าแสดงออกน่าดู


อาหารวันนั้นก็มีหลายอย่าง..
ตอนแรกก็ว่าไม่อร่อย พอกินอาหารอื่นๆที่ตามมาชักอร่อยติดลม
สุดท้ายตบด้วยของหวาน เฉาก๊วย!!!

ก็ดีนะวันนั้น สนุกดี เสียแต่ว่าแพงไปหน่อย ToT

วันวาเลนไทน์...*

วันวาเลนไทน์ปีนี้...
ดูว่าทุกคนจะให้ความสำคัญกันมากพอสมควร
เพราะว่าเดินไปที่ไหนก็มีแต่คนพูดถึงวันแห่งความรักที่จะถึงนี้

ไม่ว่าจะเป็น เด็กอายุตั้งแต่ 10 ขวบ จนถึงผู้ใหญ่วัยทำงาน ต่างก็
คุยกันเรื่องวันวาเลนไทน์กันทั้งนั้น...
บ้างก็คุยกับเพื่อนว่า "วันวาเวนไทน์ปีนี้ ชั้นจะซื้ออะไรให้แฟนชั้นดี??"
บ้างก็แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับเพื่อนว่า "ปีนี้ชั้นจะได้ดอกกุหลายจากแฟนชั้นกี่ดอกน้อ...?"
บ้างก็พูดว่า "วันวาเลนไทน์ปีนี้ช่างห่อเหี่ยว..คงไม่มีคนให้ดอกกุหลาบเหมือนปีก่อนๆ"
บ้างก็บ่นพึมพำกับตัวเองว่า"เฮ้อ!!..วันวาเลนไทน์นี้กูคงไม่ได้ดอกไม้อีกตามเคย TT"

...สำหรับตัวผู้เขียนเอง วันวาเลนไทน์ก็เป็นเพียงวันหนึ่ง (ที่ใกล้วันสอบเข้ามาทุกที) ถ้าเพียงแต่ว่า
เราจะไม่ไปให้ความสำคัญกับมันมากเกินไป และก็คิดซะว่าวันนี้ก็เป็นอีกวัน
ที่ผ่านไปโดย ทั่วประเทศมีแต่ดอกกุหลาบเต็มไปหมด ถึงแม้ว่ามันจะไม่ได้
ส่งมาให้เรา แต่มันก็เป็นตัวแทนส่งความรักให้คู่รักคนอื่นๆ หรือพ่อแม่ลูกที่รักกัน
อย่างน้อยมันก็ทำให้ได้เห็นว่า "ความรักยังมีอยู่รอบตัวเรา" แค่นี้เรายังไม่มี
ความสุข อีกหรือ??

หรือบางคนอาจน้อยเนื้อต่ำใจที่ไม่ได้รับดอกกุหลาบจากคนรักของตน หรือไม่รู้ว่าจะ
ซื้อดอกกุหลาบให้ใครดี ...ก็ลองหันกลับไปมองคนแก่ 2 คนที่แก่ลงทุกวั๊นทุกวัน
นั่นก็คือพ่อแม่ของเรานั่นเอง...ซื้อให้ท่านสิ ท่านให้เรามามากแล้ว
ไม่จำเป็นว่าวันวาเลนไทน์จะต้องเป็นวันแห่งความรักสำหรับหนุ่มสาวเพียงอย่างเดียว
แต่วันก็เป็นอีกวันที่เราจะมีโอกาสได้แสดงความรักกับพ่อแม่...

หรือไม่ถ้าคุณเป็นหนึ่งคนที่ไม่รู้จะซื้อดอกกุหลาบให้ใคร...นี่คือหนทางสุดท้ายแล้ว

นั่นคือ

"...ซื้อกุหลาบให้ตัวเอง ฉันซื้อกุหลาบให้ตัวเอง..." ลองสิคะ ผู้เขียนเชื่อว่าคงให้
ความรู้สึกที่แปลกไม่น้อยในการทำเช่นนี้ แต่มันไม่ใช่ความรู้สึกโดดเดี่ยว
ไม่ใช่ความรู้สึกว่าตัวเองไม่มีใครรัก แต่มันเป็นความรู้สึกที่ใครๆก็สามารถมีได้
นั่นคือ...ความรู้สึก"รัก"ตัวเอง ลองหันกลับมามองตัวเองสักครั้ง
มองดูว่าเราพยายามหาคนมารักเรา พยายามหาคนที่เรารัก แต่ว่าคนที่เราควรดูแลที่สุด
และรักมากที่สุดรองมาจากพ่อกับแม่แล้ว...ก็คือตัวเราเอง ลองหันกลับมาดูแลใส่ใจกับตัวเอง
ลองเปลี่ยนมุมมองใหม่ซะว่า "ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน" ไม่มีคนที่รักเรา อย่างน้อยเราก็ยัง
รักตัวเอง ไม่ใช่หรือ?? เราไม่จำเป็นต้องตามหาคนที่รักเราหรือคนที่เรารัก

เพียงแต่ว่า เราดูแลตัวเองให้ดีที่สุด แล้วสิ่งดีๆ จะตามมาเอง...

อย่าให้วันวาเลนไทน์ซึ่งเป็นวันแห่งความรัก มาทำร้ายหัวใจคุณเลย

ลองหันกลับมาทำสิ่งดีๆ ให้กับตัวคุณเองและคนใกล้ชิดสิ

แล้วจะรู้ว่า "ความสุข" มีได้ในทุกวัน ไม่ใช่แค่วันวาเลนไทน์...*

****ขอให้ทุกคนมีความสุขกับวันวาเลนไทน์นะจ๊ะ****

ช่วงเวลานี้...

บันทึกประจำวัน วันอังคาร ที่ 5 กุมภาพันธ์ 2551


เนี่ยๆ...


มาคิดดูแล้วก็เศร้าใจมากๆเลย เพราะว่าอีก 7 วันเองที่เราจะได้อยู่คุยกะเพื่อนๆทุกคน


อยากให้เพื่อนๆทุกคนจดจำวันเวลาดีๆที่เราได้อยู่ด้วยกันน้า


เพราะปีหน้าเราคงไม่ได้อยู่ห้องเดียวกันแล้วล่ะ


บางคนอาจไปอยู่ห้องคิงส์ ห้องควีน ห้องคละ...


แต่ว่ายังงัยเราก็เพื่อนกัน อยากให้ทำดีกันเข้าไว้ตลอดเวลาที่เหลืออยู่


อยากให้ใช้เวลาที่เหลืออยู่อย่างคุ้มค่า และประทับใจมากที่สุด


รักเพื่อนๆทุกคน...ไอ้เอิง*

วันอังคารที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2551

เกิอบปีในเตรียมของเอิง...*

นี่เวลาก็ผ่านมาเกือบปีแล้วนะเนี่ยตั้งแต่สอบเข้ามาได้...

เพื่อนๆน่ารักกันทุกคนเลย

ช่วยกันทำงาน มีรัยก็ช่วยเหลือกัน

ห้องเราถึงจะไม่น่ารัก ไม่เรียบร้อยใยสายตาครูอาจารย์ที่เข้ามาสอน

แต่ว่ความซนของเพื่อนๆในห้องนี้เอง

ที่ทำให้เกิดความทรงจำดีๆ ที่น่าประทับใจสำหรับทุกคนมากมาย

อย่างไอ้พวกผู้ชายที่นั่งหลังห้องงี้ จะพูดมาก คุยตลอด บางคนก็หลับทั้งวัน

แต่พอเอาเข้าจริงแล้วพวกมันเรียนเก่งกันทั้งน้าน

ส่วนพวกผู้หญิงก็เล่น พูดมาก สันโดษ ชอบคุยเวลาเรียน

แล้วก็สรรหาเรื่องมาเม้าท์ได้ตลอดเวลาเรียน หรือเวลาว่าง

ถ้านั่งรวมกลุ่มกันเกิน 2 คนมะไหร่เมื่อนั้น ใครสักคนบนโลกจะต้องถูกอ้างอิงถึง 55++

บางคนห้องเราก็ทำรัยเปิ่นๆบ้าง ไม่เข้าท่าบ้าง

แต่ห้องเรารักกันมาก และเป็นห้องที่สนิดกันเร็วกว่าห้องอื่นๆรอบข้างด้วย

มารู้จักกันวันเดียวผู้หญิงก็แทบจะขี่คอผู้ชายแล้ว

นี่พูดจริงๆนะ -*-

แล้วก็ต้องยกความดีให้พี่ห้อง และพี่สายด้วย

โดยเฉพาะพี่ห้องที่เค้ารักเราม๊ากมาก มาหาทุกวันเลย

ไม่รู้ว่าห้องอื่นเป็นอย่างนี้หรือเปล่านะ

สาย HomE ของห้องเราเป้นสายโฮมที่ยาวที่สุดในเตรียมฯแล้ว

จึงทำให้พี่ห้องที่เลือกเราเป็นสายโฮมต่อจากพี่เค้ารักเรามาก

รวมถึงรุ่นพี่สายโฮมที่ตอนนี้เค้าอยู่ ม.6 แล้ว เค้าก็รักเราเช่นกัน

ส่วนพี่สาย...

พี่เค้าฝึกให้เราเป็นคนใจเย็น รักสาย รักเพื่อน รักเตรียมฯ

และสอนความสามามัคคี ไม่พยายามเป็นอริกับใคร

อาจารย์ทุกท่านที่สอนเรา

ถือว่าเป็นอาจารย์ที่มีคุณภาพมาก ท่านใจดีเหลือเกิน แต่ละคนก็สอนเก่งกันทั้งน้าน

อาจารย์ที่ปรึกษาเราเป็นอาจารย์สอนวิชา ชีววิทยา

ท่านสอนเก่งมาก แต่เพื่อนๆมักจะหลับในคาบ เพราะว่ามันเป็นวิชาที่ต้องอาศัยการจำ

ดังนั้นจึงทำให้ทุกคนง่วง

ประกอบกับที่อาจารย์สอนแบบระดับเสียงโทนเดียวเลยดูไม่เร้าใจ ไม่ปลุกเด็กๆ แถมยังทำให้ง่วงอีก







*รูปประกอบการบรยาย 55+


แต่เพื่อนๆกลุ่มที่ตั้งใจเรียนใช่จะไม่มี



คนที่นั่งหน้าห้องมักจะตั้งใจเรียน (เอ๊ะ!! รวมเราด้วยป่าวหว่า??)



คนที่นั่งหน้าห้องกลุ่มนี้ จะตั้งใจฟังอาจารย์สอนทุกวิชาเลย ไม่เคยหลับเลย



แกก็เลยเรียนเก่ง55+



ทั้งหมดที่กล่าวมาไม่ขอเอ่ยชื่อว่าใคร แต่เชื่อว่า ถ้าเพื่อนๆมาอ่านแล้ว คงจะเข้าใจกันเองแหละ ^^



รักเพื่อนๆ รักครูอาจารย์ รักห้อง รักสาย รักเตรียมอุดมศึกษา*****

วันพฤหัสบดีที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2551

เอิงแนะนำหนังสือ เรื่อง เจ้าหญิงน้อย

เรื่อง เจ้าหญิงน้อย ( A Little Princess )

เจ้าหญิงน้อย / ฟรานเซส ฮอดจ์สัน เบอร์เน็ตต์ : เรื่อง; เนื่องน้อย ศรัทธา : แปล จากเรื่อง A Little Princess. -- พิมพ์ครั้งที่ 4. – กรุงเทพฯ : แพรวเยาวชน, 2546


>> :: เนื้อเรื่อง
เป็นเรื่องเกี่ยวกับเด็กผู้หญิงคนหนึ่งชื่อว่า ซาร่า ครูว์ เป็นลูกของนายทหารใหญ่ชาวอังกฤษที่อาศัยอยู่ในประเทศอินเดีย แม่ของซาร่าเสียชีวิตตั้งแต่เธอยังเด็ก ดังนั้น เธอจึงต้องใช้ชีวิตอยู่กับพ่อของเธอเพียง 2 คน พ่อของเธอเป็นคนมั่งคั่งมีฐานะดี ดังนั้นเมื่อเธออายุได้ 7 ขวบ พ่อของซาร่า จึงพาซาร่าไปเรียนที่โรงเรียนประจำที่ประเทศอังกฤษ พ่อของเธอผูกพันกับเธอมาก เพราะมีกันอยู่แค่สองคน ดังนั้น เมื่อพ่อของซาร่า พาซาร่ามาส่งถึงประเทศอังกฤษแล้ว จึงสั่งให้มิสมินชิน ผู้ซึ่งเป็นอาจารย์ใหญ่ของโรงเรียน ดูแลซาร่าเป็นอย่างดี และให้ทุกสิ่งทุกอย่างที่ซาร่าต้องการ แล้วให้มาเก็บค่าใช้จ่ายที่เขา จากนั้นพ่อของซาร่าก็กลับไปที่ประเทศอินเดีย มิสมินชินเป็นผู้หญิงที่เห็นแก่เงิน เมื่อเธอเห็นว่าซาร่าเป็นเด็กที่มีฐานะดี ร่ำรวย จึงดูแล
เอาใจซาร่าเป็นอย่างดีให้ซาร่ามีทุกอย่างพิเศษกว่าคนอื่นๆ ซาร่าเป็นเด็กที่น่ารัก นิสัยดีและมีความคิดเป็นผู้ใหญ่กว่าวัยเดียวกัน เธอเป็นเด็กที่ช่างจินตาการ
เธอชอบเล่านิทาน เล่าเรื่องที่เธอแต่งขึ้นมาเองให้กับเด็กที่อยู่ในโรงเรียนคนอื่นๆฟัง แม้แต่เด็กบางคนที่ไม่ชอบซาร่าก็ยังต้องมาฟังเรื่องที่ซาร่าเล่าด้วย ที่สำคัญเธอชอบจินตนาการว่าตัวเองเป็นเจ้าหญิง แต่ว่าเธอไม่ได้คิดว่าตัวเองเป็นเจ้าหญิงที่ ร่ำรวยมั่งคั่ง มีพร้อมไปหมดทุกอย่าง แต่ว่าเธอจินตนาการว่าเธอเป็นเจ้าหญิงที่มีน้ำใจ จิตใจงดงามชอบช่วยเหลือผู้อื่น และเป็นคนที่เสียสละ ...แต่ชีวิตของซาร่าก็ต้องเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง เมื่อมีอยู่วันหนึ่ง ทนายของพ่อของซาร่ามาหามิสมินชินที่โรงเรียน และบอกข่าวร้ายกับมิสมินชินว่าพ่อของซาร่าได้เสียชีวิตลง จากมิสมินชินที่เคยดีกับซาร่ากว่าคนอื่นๆตอนนี้เปลี่ยนไปเป็นคนละคน เนื่องจากเห็นว่าซาร่าไม่เหลืออะไรแล้ว มิสมินชิน จึงให้ซาร่าไปทำงานในครัว ทำงานหนัก ทำทุกอย่างในโรงเรียนไม่ว่าจะ ซื้อกับข้าว ทำอาหาร กวาดห้องโน้นห้องนี้ และงานหนักๆอีกมากมายที่เกินแรงผู้หญิงตัวเล็กๆอย่างซาร่าจะทำได้ ซาร่าต้องทนลำบากอยู่เป็นเวลานาน เธอเสียใจมาก แต่ไม่เคยคิดเคียดแค้นมิสมินชินเลย แต่เธอกลับให้กำลังตัวเองโดยการจินตนาการ สมมติว่าเธอเป็นเจ้าหญิงที่ตกทุกข์และอยู่ในคุกบาสตีย์ที่แสนลำบากแทน เธอไม่เคยแสดงอาการหยาบคายหรือกริยาอาการที่ไม่สมควรให้ผู้อื่นเห็น จากนั้นไม่นานเพื่อนบ้านที่ย้ายเข้ามาอยู่ข้างโรงเรียนของซาร่า ก็ทำให้ชีวิตของซาร่าเปลี่ยนไป.....
>> :: วิเคราะห์
จากที่ได้อ่านมา ภาษาที่ใช้เขียนก็เป็นภาษาที่อ่านแล้วดู สงบ และชวนให้จินตนาการไปกับเนื้อเรื่องที่ผู้เขียนเล่าออกมา อ่านง่าย สามารถอ่านได้ทุกวัย เพราะใช้ภาษาที่เข้าใจง่าย และสนุกสนาน ผสมกับการที่ผู้เขียนสามารถเขียนสื่ออารมณ์ทำให้ ผู้อ่านสัมผัสได้ถึงอารมณ์ของตัวละคร ทำให้เราอ่านแล้วยากที่จะวางลงเลยทีเดียว

>> :: สรุป และข้อคิด
โดยสรุปแล้ว “เจ้าหญิงน้อย” เป็นเรื่องราวของเด็กคนหนึ่ง ซึ่งยึดมั่นในความดี เจ้าหญิงในจินตนาการของเธอ ก็คือ...ความดี เธอจินตนาการว่าเป็นเจ้าหญิง นั่นคือการเตือนตัวเองให้ทำแต่สิ่งที่ดี ไม่หยาบคายใส่ผู้อื่น ไม่เคียดแค้นผู้อื่น ไม่นึกน้อยใจในโชคชะตา เธอจินตนาการว่าตัวเองเป็นนักโทษในคุกบาสตีย์ เป็นเจ้าหญิงตกยาก ที่ถึงแม้จะตกยากยังไงก็ยังรักษาความเป็นเจ้าหญิงของตัวเองไว้ ถึงแม้จะเจออุปสรรคที่หนักหนาสาหัสเท่าไหร่ เธอก็ยังยึดมั่นที่จะทำแต่ความดี เธอจินตนาการชีวิตของเธอเพื่อให้กำลังใจตัวเอง นี่เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่อ่านได้ทั้งครอบครัว เด็กๆก็อ่านได้ และก็ควรชี้แนะให้เห็นด้วยว่า ซาร่ามั่นใจในความดีแค่ไหน เจออุปสรรคอะไรก็ไม่เคยย่อท้อ อ่านเรื่องนี้แล้วทำให้ได้คติสอนใจอย่างหนึ่งก็คือ “ต้องมีสักวันที่เป็นวันของเรา ไม่ว่าจะนานเพียงไหนเราก็จะต้องมุ่งมั่นที่จะทำแต่สิ่งดี แล้วสิ่งดีที่เราทำนั่นแหละ จะทำให้ผู้อื่นเห็น และพร้อมที่จะช่วยเหลือเรา เพราะความดีของเรา...”

๗๐ ปี เตรียมอุดมศึกษา ของเรา*

"ปีนี้โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาก็ได้ก้าวเข้าสู่ปีที่ ๗๐ แล้ว โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษามีชื่อเสียงทั้งทางด้านวิชาการ กีฬา และเป็นโรงเรียนที่ได้ส่งนักเรียนไปออกทำชื่อเสียงในระดับประเทศ รวมถึงระดับโลกอีกด้วย ทำให้สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศมากมาย รวมทั้ง ๗๐ ปีที่ผ่านมานี้ โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาได้ผลิตบุคลากรที่มีคุณภาพหลายด้านออกไปทำชื่อเสียง และพัฒนาประเทศชาติเป็นจำนวนมาก เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ประเทศไทยเราเจริญและก้าวหน้ามากขึ้น ด้วยความพร้อมในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น อุปกรณ์ทางการศึกษา สถานที่ศึกษาที่เอื้ออำนวยต่อการเรียนการสอน บุคลากรครูอาจารย์รวมถึงนักเรียนที่มีคุณภาพจากทั่วทั้งประเทศ จึงทำให้โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา ดำรงชื่อเสียงและคุณภาพทางการศึกษามาได้ยาวนานถึง ๗๐ ปี"


ในแต่ละปีมีนักเรียนมาสอบคัดเลือกจากทั่วทั้งประเทศประมานหมื่นกว่าคน โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา มีทั้งแผนกการเรียนวิทย์-คณิต ภาษา-คณิต ภาษา-ฝรั่งเศส ภาษา-เยอรมัน และภาษา-ญี่ปุ่น ในแต่ละปีเมื่อมีการประกาศผลการสอบเข้าเรียบร้อยแล้ว จะเป็นประเพณีที่รุ่นพี่จะต้องทำการรับน้องก่อนเปิดเทอมและในช่วงเปิดเทอมไปแล้ว ๒ สัปดาห์ มันเป็นประเพณีที่ทำกันในทุกแผนกการเรียนและทุกปี ทำให้เกิดความเป็นกันเองระหว่างรุ่นพี่กับรุ่นน้อง ทำให้รุ่นพี่กับรุ่นน้องได้มีโอกาสทำความรู้จักและใกล้ชิดกันมากขึ้น และยังมีประเพณีเป็น พี่รหัส-น้องรหัสกัน ในแต่ละห้อง และแต่ละสายด้วย รวมถึงโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาเอง ก็จะจัดให้มีการเข้าค่ายพัฒนาศักยภาพผู้เรียน ก่อนที่จะเปิดเทอม เพื่อให้นักเรียนที่เข้ามาใหม่ได้รู้จักธรรมเนียมปฏิบัติของโรงเรียน และได้รู้ประวัติความเป็นมาของโรงเรียน รวมถึงกฎระเบียบและข้อปฏิบัติ ที่นักเรียนควรปฏิบัติ ในการเข้าค่ายครั้งนี้จะมีรุ่นพี่มาช่วยกันดูแลน้อง คอยอธิบาย คอยช่วยเหลือน้องๆ เวลาเข้าทำกิจกรรมต่างๆ การเข้าค่ายทำให้เราได้รู้จักเพื่อนใหม่ๆ หลายคนเพราะต่างคนต่างก็ไม่มีเพื่อนมากนักเนื่องจากต่างคนก็มาจากต่างที่ บางคนมาจากเหนือบ้าง จากใต้บ้าง ตะวันออกเฉียงเหนือบ้าง รวมถึงภาคอื่นๆด้วย ทุกคนต่างก็อยากมีเพื่อนและตอนนั้นทุกคนก็ได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์ ได้เรียนรู้หลายสิ่งหลายอย่างเกี่ยวกับเพื่อนใหม่ จากการที่นักเรียนที่มีคุณภาพหลั่งไหลเข้ามาเรียนที่โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาไม่เว้นแต่ละปีทำให้ โรงเรียนมีนักเรียนที่ทำชื่อเสียงให้แก่โรงเรียนมากมาย และโรงเรียนก็มีสถิตินักเรียนที่ได้รับทุนเล่าเรียนหลวงมากที่สุดเป็นอันดับหนึ่ง ได้รับทุนไปศึกษาต่อต่างประเทศเป็นอันดับหนึ่ง ได้คะแนนเป็นอันดับหนึ่งในการสอบเข้าเรียนต่อในระดับอุดมศึกษาเป็นที่หนึ่งของประเทศ ฯลฯ นอกจากนักเรียนของโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา จะเป็นเลิศทางวิชาการแล้ว ก็ยังยึดหลักคุณธรรมที่ว่า “นิมิตฺตํ สาธุรูปานํ กตัญฺญูกตเวทิตา ...ความกตัญญูเป็นเครื่องหมายของคนดี” ซึ่งเป็นคติประจำโรงเรียนอีกด้วย แต่ว่า ถ้าจะบอกว่านักเรียนที่ทำให้โรงเรียนมีชื่อเสียงอย่างเดียวก็คงไม่ได้ เพราะการที่นักเรียนจะมีคุณภาพได้ก็เกิดจากครูอาจารย์ที่มีคุณภาพและเป็นที่ยอมรับในแวดวงการศึกษาว่าเป็นผู้ทรงคุณวุฒิ และต่างก็มีความเชี่ยวชาญ และชำนาญในการสอน รวมถึงระหว่างการเรียนการสอน ได้มีการสอดแทรกคุณธรรมให้นักเรียนอยู่เสมอ และโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา ไม่ได้เน้นเพียงแค่การเรียนอย่างเดียว แต่โรงเรียนยังมีการจัดกิจกรรมระหว่างภาคเรียน เช่น กิจกรรมกีฬาสี ทำให้นักเรียนทุกคนได้มีส่วนร่วมในงานกีฬาสี ไม่ว่าจะเป็น เชียร์กีฬา และเข้าร่วมแข่งกีฬาประเภทต่างๆ ทำให้นักเรียนได้แสดงความสามารถพิเศษของแต่ละคนในด้านการเล่นกีฬาและอื่นๆ และงานวันอนุรักษ์วันธรรมไทยซึ่งมีการจัดขบวนพาเหรดเดินรอบโรงเรียน เป็นต้น ซึ่งกิจกรรมที่กล่าวมานี้ได้จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี เพื่อให้นักเรียน ได้เรียนอย่างมีความสุข มีการจัดกิจกรรมบูรณาการควบคู่ไปกับการเรียน และยังมีกิจกรรมอื่นๆอีกมากมาย นักเรียนเตรียมอุดมศึกษารุ่นก่อนๆ จะมาเยี่ยมเยียนโรงเรียนบ่อยครั้ง และทยอยมากันตลอดภาคเรียน พวกรุ่นพี่รุ่นก่อนๆได้มาปลูกฝังความรักโรงเรียนให้แก่น้องๆบ่อยครั้ง
โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาแห่งนี้ทำให้นักเรียนมีความพยายามในการเรียนเพื่อจุดมุ่งหมายในชีวิตของแต่ละคน โดยมีการจัดการเรียนการสอนวิชาแนะแนวเพื่อ ชี้แนะแนวทางให้แก่นักเรียนว่า นักเรียนแต่ละคนเหมาะสมกับอะไร และการที่จะไปสู่จุดนั้นเราต้องทำอย่างไรบ้าง นี่ก็เป็นอีกส่วนหนึ่งที่ทำให้นักเรียนที่จบการศึกษาจากโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาที่ไปศึกษาต่อยังที่ต่างๆ สามารถศึกษาในสายการเรียนนั้นๆได้อย่างมีคุณภาพ เพราะว่าเหมาะสมกับตัวนักเรียนเอง ดังนั้นนักเรียนจึงสามารถทำงานในอาชีพนั้นๆได้อย่างมีประสิทธิภาพและทำให้ประเทศเจริญก้าวหน้ามากขึ้น
ตลอดเวลา ๗๐ ปีที่ผ่านมาของโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา ก็อย่างที่เห็นว่า โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาไม่ได้เป็นเพียงแค่สถานที่ศึกษาหาความรู้เพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่เปรียบเสมือนเป็นบ้านอีกหลังหนึ่งของนักเรียนเลยก็ว่าได้ การที่โรงเรียนมีการพัฒนามาอย่างต่อเนื่องเช่นนี้นี่เอง ทำให้โรงเรียนมีประสิทธิภาพมากขึ้นจนเป็นโรงเรียนที่มีชื่อเสียงอันดับหนึ่งของประเทศไทยเลยทีเดียว ปัจจุบันโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาก็ยังคงพัฒนาคุณภาพในด้านต่างๆต่อไปเรื่อยๆ และก็ยังคงเป็นโรงเรียนที่นักเรียนจำนวนมากจากทั่วประเทศต้องการเข้าศึกษาต่อเช่นเดิม และหวังว่าโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา จะสร้างบุคลากรที่มีคุณภาพให้แก่สังคม และสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศ เช่นเดียวกับที่ผ่านมา

วันอังคารที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2551

ก่อน...เป็น"เด็กเตรียมฯ"

เรียนพิเศษ..**

ก่อนหน้าที่เราจะมาเข้าเรียนที่เตรียมฯนี้ เรามั่นใจว่าแทบทุกคนจะต้องเคยเรียนกวดวิชามาก่อน ไม่ว่าจะเป็นที่ใดก็ตาม

เราก็เป็นหนึ่งในนั้นเช่นกัน...

เราเรียนพิเศษที่สถานบันแห่งหนึ่งซึ่งมีเด็กเรียนเป็นจำนวนมาก และก็สามารถสอบเข้าได้มากช่นกัน

เราไปเรียนทุกวันเลย...เรียนคอร์สกวดเข้าเตรียมฯ เป็นเวลา 1 เดือน เรียนทุกวัน เรียน 8.00-12.30

เหนื่อยมาก เพราะเราต้องตื่นแต่เช้าเนื่องจากบ้านของเราอยู่ไกล แล้วกว่าเราจะกลับถึงบ้านก็เย็นๆโน่นแน่ะ

แม่ของเรามาส่งเราเรียนทุกวันเลย แล้วยังรอรับกลับอีกด้วย

แม่ก็เหนื่อย เราก็เหนื่อย... สงสารแม่มากๆเลย

พอกลับถึงบ้าน...แม่ก็บอกให่เราอ่านหนังสือ แต่เราเองก็เหนื่อย พอแม่สั่งเรามากเข้า เราก็โกรธ อารมณ์เสีย แล้วก็เครียดมากๆ

พ่อเราก็เป็นเช่นกัน พ่อเราชอบบอกให่เราอ่านหนังสือ เราก็เบื่อเครียดๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ-*-

แต่ถึงเราจะเบื่อแค่ไหนเราก็ไม่กล้าโดดเรียนพิเสดเลย...เพราะว่าเราสงสารแม่เราที่ต้องมาส่งเราเรียน แต่เรากลับมาโดดเรียนไปซะนี่





วันรับใบสมัคร..**

วันรับใบสมัครนี้ เราก็เรียนพิเศษตามปกติ แต่แม่สิ...ไปเอาใบสมัครให้เราแต่เช้า ไปรอคิวย๊าวยาว อิอิ

รักแม่มากๆเลย แม่ก็เอาใบสมัครมาให้เราด้วยรอยยิ้ม และความภาคภูมิใจ**






วันสมัคร..**

เราไปรับใบสมัครวันแรก จึงต้องมาสมัครวันแรก

วันนั้นมีนักเรียนมาเยอะพอสมควร มีหลายโรงเรียน แต่โรงเรียนเดียวกับเราก็มีเหมือนกันนะ

วันนั้นเป็นวันแรกที่เราเข้ามาที่โรงเรียนเตรียมฯ เราเพิ่งรู้ว่าโรงเรียนเตรียมฯ อยู่ใกล้สยามแคนี้เอง ^^

โรงเรียนเตรียม เมื่อแรกเจอ มองว่าใหญ่มากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ เกิดมาไม่เคยเห็นโรงเรียนที่ใหญ่ขนาดนี้มาก่อนเลย

แต่ก็ดีใจที่ครั้งนึงได้มาเห็น ได้เข้ามายืนในโรงเรียนเตรียมฯแห่งนี้

วันสมัคร เจอพี่ๆที่มาช่วยงานอาจารย์เยอะแยะมากเลย พวกเค้าแต่งตัวเรียบร้อย น่านับถือมาก

แม่บอกว่า พวกพี่เค้าน่ารักมาก...วันนั้นมีความสุขและตื่นเต้นมากมาย





วันสอบ..**

ในวันสอบ เราไปที่ อิมแพ็ค เมืองทองธานี ตั้งแต่เช้า โดยพ่อไปส่ง ไปตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่าง เพราะว่ากลัวรถติด

อีกอย่างบ้านเราก็อยู่แถวนั้นด้วย...

พอไปถึงก็เห็นว่าคนยังไม่เยอะเท่าไหร่ แต่พอเริ่มสายหน่อย คนก็เริ่มเยอะ มาจากทั่วประเทศ เห็นบางคนอ่านหนังสือ

ดูแล้วน่าจะเป็นเด็กที่เก่งมาก แบบบฝึกหัดคงยาก...แล้วเราล่ะ???

ไม่อ่านอะไรเลย นั่งรอ"ขึ้นเขียง"ในห้องสอบ 55+

กลัวเหมือนกันว่าจะทำไม่ได้ แต่ก็ไม่อ่าน เพราะว่าเราคิดว่าอ่านก่อนสอบก็ไม่มีสมาธิเพราะว่ามันตื่นเต้น

สู้ทำใจให้สบายก่อนเข้าห้องสอบดีกว่า จริงมะ??!!

พอถึงเวลาสอบเข้าจริงๆ..พอเห็นห้องสอบเท่านั้นแหละ

โอ๊ย..ตกใจแทบเป็นลม เพราะว่ามันมีเก้าอี้และโต๊ะสอบ ตั้งไว้มากมาย สุดลูกหูลูกตาเลย

ในใจคิดว่า คนมากมายขนาดนี้เราจะไปสู้เค้าได้หรอ สอบเป็นหมื่นเอา 750 คนเอง หวั่นอยู่เหมือนกัน

แต่พ่อบอกมาว่าอย่าไปตื่นเต้น อย่าไปเครียด ทำเท่าที่เราทำได้ก็พอแล้ว

เมื่อถึงเวลาสอบ ข้อสอบมา เราก็ตื่นเต้นคิดไม่ออก แต่เมื่อทำไปเรื่อยๆสมองก็เริ่มทำงานตามหน้าที่ของมัน...

ตอนทีสอบเสร็จรู้สึกโล่ง เหมือนยกภูเขาออกจากอก ไม่เคยโล่งอกเท่านี้มาก่อน

ความกดดันทังหมดได้ถูกกระจัดออกไป เมื่อกาข้อสอบข้อสุดท้ายก็แทบเป็นลม เพราะดีจัยที่การสอบได้ผ่านพ้นไปเสียที





วันประกาศผล..**

ปกติเค้าจะประกาศผลวันที่ 28 มีนาคม คือ สอบ 3 วันแล้วก็ประกาศผล

มันก็เร็วอยู่แล้ว แต่ว่าเค้าจะติดประกาศก่อนวันประกาศจริง คือ 6 โมงเย็น ของวันที่ 27 มีนาคม

ดังนั้นผู้ปกครองหลายคนจึงขับรถมาดูกันตอนเย็นของวันที่ 27 ทุกคนต่างก็ตื่นเต้น บางคนก็มาดูให้ลูกบ้าง ให้น้องบ้าง ให้ญาติบ้าง

แล้วทุกคนก็มุ่งไปที่สนามบอลโรงเรียนเตรียม เมื่อประตูเปิดทุกคนกรูเข้าไปอย่างน่าตกใจ..

..พ่อของเราก็เปนหนึ่งในนั้นด้วยเช่นกัน พ่อหลังจากเลิกงานแล้วก้ไปดูผลให้ทันทีเลย

เราคิดอยู่ในใจว่าไม่ได้แล้ว เพราะว่าทำข้อสอบไม่ค่อยได้เลย อยากจะร้องไห้ TT

แต่ว่าพอถึงเวลาที่พ่อโทรมา แบบบ..มือสั่น ไม่กล้ารับโทรศัพท์พ่อเพราะว่ากลัว

ผลที่ออกมา กลัวที่สุดคือ กลัวแม่กะพ่อเสียใจ เพราะว่าทั้งสองเหนื่อยเพราะเรามามาก และหวังกับเราไว้มากเช่นเดียวกัน

เนื่องจากเราเป็นลูกคนเดียวด้วย...

พอเรารับโทรศัพท์จากพ่อ พ่อก็บอกเราว่า "ไม่ต้องเสียใจนะลูก...." เราก็เลยบอกว่าไม่เสียใจหรอกทำใจไว้แล้ว

ตอนนั้นใจหล่นวูบบบบบ!!!

แต่แล้วพ่อก็พูดต่อว่า "นู๋ติดนะจ๊ะ" พ่อดีจัยมาก เราก็แบบ ตกใจว่าตกลงพ่อเอางัยแน่

แต่ก็ถามพ่อไปด้วยความตกใจว่า "หนูติดจริงๆหรอ ติดแบบได้ไปเรียนอ่ะนะ???"

พอแม่ได้ยินเท่านั้นแหละ แม่ก็วิ่งเข้ามาจากครัวแล้วเอาโทรศัพท์ไปคุยกะพ่อเอง...

เราดีใจมาก หลังจากวางโทรศัพท์ของพ่อไป เพื่อนๆก็โทรมายินดี แล้วบอกว่าเราอ่ะติด ทีนี้เราก็เริ่มมั่นใจมากขึ้น

จึงส่งข้อความไปดูผลดู มันก็ส่งตอบกลับมาว่าติด ดีจัยมากเลย ^^

วันต่อมาจึงไปมอบตัวที่เตรียม และไปดูผลให้เพื่อนคนอื่นๆด้วยที่สนามบอล

มีคนไปดูเยอะแยะเลย แล้วก็มีพี่สาย วิทย์-ประยุกต์มาบูมให้เรา เรารู้สึกแปลกใจ

และตื่นเต้นเป็นอย่างมากเลย...

และแล้วความฝันของเราก็กลายเป็นจริง ทุกๆคนต่างก็ดีจัยกับเรา...***

วันจันทร์ที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2551

พระพี่นาง...ที่รัก*


ทรงพระเยาว์

สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ทรงเป็นพระธิดาพระองค์แรกใน สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก และ สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ประสูติเมื่อวันอาทิตย์ที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2466 ณ สถานพยาบาล กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ พระนามในพระสูติบัตรเมื่อแรกประสูติ คือ เมย์ ตามเดือนที่ประสูติ สมเด็จฯ เจ้าฟ้าฯ กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ทรงมีพระอนุชา 2 พระองค์ คือ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร์ และพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช พระภัทรมหาราช พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานนามว่า หม่อมเจ้ากัลยาณิวัฒนา ต่อมาเมื่อ พ.ศ. 2470 พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงสถาปนาเป็นพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้ากัลยาณิวัฒนา และ ในพ.ศ. 2478 สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล ทรงเฉลิมพระเกียรติเป็น สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา ครั้นเมื่อทรงเจริญพระชนมายุครบ 6 รอบ ใน พ.ศ. 2538 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯสถาปนาพระอิสริยศักดิ์ เป็นเจ้าฟ้าต่างกรมฝ่ายในตามธรรมเนียมราชประเพณีเป็นพระองค์แรกในรัชกาลทรงพระนามว่า สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์

*************************




การศึกษา

ใน พ.ศ. 2469 สมเด็จพระบรมราชชนก เสด็จกลับประเทศไทย เพื่อทรงร่วมในพระราชพิธีถวายพระเพลิง พระบรมศพพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ระหว่างนั้น สมเด็จพระบรมราชชนนี ได้ทรงนำพระธิดาและพระโอรสพระองค์ แรกไปประทับ ณ เมืองโลซานน์ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ และทรงฝากให้อยู่ในสถานรับเลี้ยงเด็กโซเลย์ (Champ Soleil) หลายเดือน สมเด็จฯ เจ้าฟ้าฯ กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ จึงทรงเริ่มรับสั่งภาษาฝรั่งเศส ในปลาย พ.ศ. 2469 สมเด็จพระบรมราชชนกได้ทรงนำครอบครัวไปประทับที่เมืองบอสตัน (Boston) ประเทศสหรัฐอเมริกา เพื่อทรงศึกษาวิชาแพทยศาสตร์ สมเด็จฯ เจ้าฟ้าฯ กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ทรงเริ่มศึกษาในระดับอนุบาลที่โรงเรียนพาร์ค (Park School) ใน พ.ศ. 2471 เมื่อสมเด็จพระบรมราชชนกทรงสำเร็จการศึกษาวิชาแพทยศาสตร์ ที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาด (Harvard) จึงได้ทรงนำครอบครัวเสด็จกลับประเทศไทย และประทับ ณ พระตำหนักใหญ่ วังสระปทุม สมเด็จฯ เจ้าฟ้าฯ กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ทรงเข้าศึกษาในระดับประถมศึกษาที่โรงเรียนราชินี และทรงศึกษาอยู่จนถึง พ.ศ. 2476 ภายหลังที่สมเด็จพระบรมราชชนกเสด็จทิวงคตใน พ.ศ. 2472 สมเด็จฯ เจ้าฟ้าฯ กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ประทับอยู่ที่กรุงเทพฯ ต่อไปอีกระยะหนึ่ง จนถึง พ.ศ. 2476
*************************




การทรงงาน
เมื่อสมเด็จฯ เจ้าฟ้าฯ กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ เสด็จนิวัติประเทศไทยใน พ.ศ. 2493 สมเด็จพระบรมราชชนนี ทรงทราบดีว่าพระธิดาโปรดการเป็นครูมาแต่ทรงพระเยาว์ ได้รับสั่งแนะนำให้ทรงงานเป็นอาจารย์ จึงทรงรับงานเป็นอาจารย์พิเศษสอนภาฝรั่งเศสที่คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ทรงสอนวิชาสนทนาภาษาฝรั่งเศส วิชาอารยธรรมฝรั่งเศส และวิชาวรรณคดีฝรั่งเศส นิสิตที่ได้มีโอกาสเป็นศิษย์ด้วยล้วนปีติยินดีในพระกรุณาธิคุณยิ่งนัก หลายคนรำลึกได้ว่าในวิชาวรรณคดีฝรั่งเศสทรงสอนผลงานของ Victor Hugo นักประพันธ์เอกของโลก สมเด็จฯ เจ้าฟ้าฯ กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ทรงสอนที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จนถึง พ.ศ. 2501 ใน พ.ศ.2512 คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ได้ขอรับพระราชทานพระกรุณาให้ทรงเป็นอาจารย์ประจำมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ทรงรับงานสอนและงานบริหารโดยทรงเป็นหัวหน้าสาขาสอนวิชาภาษาและวรรณคดีฝรั่งเศส และผู้อำนวยการภาษาต่างประเทศ อันประกอบด้วยภาษาฝรั่งเศส เยอรมัน ญี่ปุ่น และรัสเซีย สมเด็จฯ เจ้าฟ้าฯ กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ทรงสอนวิชาภาษาและวรรณคดีฝรั่งเศสแก่นักศึกษาชั้นปีต่างๆ และทรงดูแลการสอนของอาจารย์ทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ นอกจากนี้ได้ทรงจัดทำหลักสูตรระดับปริญญาตรีภาษาและวรรณคดีฝรั่งเศสจนสำเร็จในปี พ.ศ. 2516 เป็นหลักสูตรที่ผสมผสานความรู้ด้านภาษาและวรรณคดีฝรั่งเศสเข้าด้วยกันอย่างเหมาะสม ในระหว่างที่ทรงปฏิบัติงานสอนที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์นั้น คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ได้กราบทูลเชิญเป็นองค์บรรยายพิเศษตั้งแต่ปี พ.ศ.2515 ในปี พ.ศ. 2519 เมื่อพระราชกิจด้านอื่นๆ เพิ่มมากขึ้นตามลำดับ จึงทรงลาออกจากตำแหน่งอาจารย์ประจำของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ แต่ก็ยังเสด็จเป็นองค์บรรยายพิเศษต่อไปอีก นอกจากนั้น ยังทรงรับเป็นองค์บรรยายพิเศษวิชาภาษาฝรั่งเศสในคณะวิทยาศาสตร์และอักษรศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์อีกด้วย ต่อมาเมื่อทรงทราบปัญหาการขาดแคลนอาจารย์ของคณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี เพราะเป็นมหาวิทยาลัยที่ตั้งอยู่ในจังหวัดห่างไกลและมีปัญหาเรื่องความปลอดภัย ก็ได้พระราชทานพระเมตตา เสด็จไปทรงสอนวิชาภาษาฝรั่งเศสโดยประทับอยู่ในวิทยาเขตปัตตานี ดังเช่นอาจารย์อื่นๆ ระหว่างที่ทรงงานสอน ได้ทรงร่วมกิจกรรมทางวิชาการหลายด้าน เช่น ทรงเป็นกรรมการสอบชิงทุน ก.พ. ไปศึกษาต่อต่างประเทศ ทรงเป็นประธานออกข้อสอบภาษาฝรั่งเศสในการสอบคัดเลือกเข้าศึกษาในมหาวิทยาลัยของรัฐ หลังจากที่ปฏิบัติงานด้านการสอนมาจนถึงเดือนมกราคม พ.ศ. ๒๕๒๑ ทรงได้รับการโปรดเกล้าฯ พระราชทานตำแหน่ง ศาสตราจารย์พิเศษของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
*************************



...*ด้วยพระปรีชาญาณจากประสบการณ์ที่ทรงงานสอนภาษาฝรั่งเศสมาเป็นระยะเวลานาน จึงทรงตระหนักถึงปัญหาความต่อเนื่องในการเรียนภาษาฝรั่งเศสระดับมัธยมศึกษาและอุดมศึกษา ทรงริเริ่มก่อตั้งสมาคมครูภาษาฝรั่งเศสแห่งประเทศไทยขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2520 เพื่อให้เป็นศูนย์กลางการพบปะแลกเปลี่ยนประสบการณ์ การปรับปรุงวิธีการสอนทั้งระดับมัธยมศึกษาและอุดมศึกษา ทรงดำรงตำแหน่งนายกสมาคมฯ ตั้งแต่ พ.ศ. 2520 จนถึง พ.ศ. 2524 จากนั้นก็ทรงดำรงตำแหน่งนายกกิตติมศักดิ์สมาคมฯ มาจนถึงปัจจุบัน สมเด็จฯ เจ้าฟ้าฯ กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ได้พระราชทานพระอนุเคราะห์แก่สมาคมฯ ในทุกทาง อาทิ ทรงสนับสนุนการพิมพ์วารสารของสมาคม เพื่อเผยแพร่ความรู้ใหม่ ๆ พระราชทานพระนิพนธ์บทความลงวารสาร ทรงส่งเสริมให้สมาชิกครูได้เข้ารับการสัมมนา ดูงานและศึกษาต่อ เป็นต้น การเรียนการสอนวิชาภาษาฝรั่งเศสและการวิจัยด้านภาษาฝรั่งเศสในประเทศไทยทั้งระดับมัธยมศึกษา และระดับอุดมศึกษาจึงเจริญรุดหน้าเป็นลำดับ

วันอังคารที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2551

• H ï § t ¤ ® ¥ * ¤ƒ * T ® ï ð M •

HISTORY OF TRIAMUDOM

*..."วัติรีรีอุศึา"...*

โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา เดิมมีชื่อว่า "โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย" ตั้งอยู่เลขที่ ๒๒๗ ถนนพญาไท แขวงวังใหม่ เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร ๑๐๓๓๐ ติดกับ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โรงเรียนนี้เดิมสังกัดอยู่กับจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และเตรียมนักเรียนแผนกต่างๆ ไว้สำหรับเข้าศึกษาในคณะต่างๆ ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยโดยเฉพาะ สภามหาวิทยาลัยได้ลงมติให้จัดตั้งโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาขึ้น เมื่อวันที่ ๓ มกราคม พ.ศ.๒๔๘๐ โรงเรียนเปิดเมื่อวันที่ ๑๖ พฤษภาคม พ.ศ.๒๔๘๑ และนักเรียนเริ่มเรียนวันแรกเมื่อวันที่ ๑๙ พฤษภาคม พ.ศ.๒๔๘๑ โดยมี ฯพณฯ ศ.จ.ม.ล. ปิ่นมาลากุล เป็นผู้อำนวยการท่านแรกของโรงเรียน
ต่อมาเมื่อ พ.ศ.๒๔๙๐ โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาได้โอนไปสังกัดกรมวิสามัญศึกษา และมีระเบียบกำหนดให้นักเรียนที่เรียนจบการศึกษาจากโรงเรียนนี้ สอบคัดเลือกเข้าจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เช่นเดียวกับนักเรียนชั้นเตรียมอุดมศึกษาของโรงเรียนทั่วไป ทั้งยังตัดคำว่า"แห่งจุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย" ออก คงเหลือคำว่า "โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา" เท่านั้น


¤÷(`[¤*..î * Ä µ ñ G..*¤]´)÷¤


About Me* :: Aung

Age :: 16

School* :: Triamudomsuksa Grade 10



~Welcome to my WEBLOG*~

• P ® å K € ð W •


มงคลสูตร ๓๘ ประการ *

๑. หนึ่งคือบ่คบพาล(๑) เพราะจะพาประพฤติผิด
หนึ่งคบกะบัณฑิต(๒) เพราะจะพาประสพผล
หนึ่งกราบและบูชา อภิบชะนีย์ชน(๓)
ข้อนี้แหละมงคล อดิเรกอุดมดี

๒. ความอยู่ประเทศซึ่ง เหมาะและควรจะสุขี(๔)
อีกบุญญะการที่ ณ อดีตะมาดล(๕)
อีกหมั่นประพฤติควร ณ สะภาวะแห่งตน(๖)
ข้อนี้แหละมงคล อดิเรกอุดมดี

๓. ความได้สดับมาก(๗) และกำหนดสุวาที
อีกศิลปะศาสตร์มี(๘) จะประกอบมนุญการ
อีกหนึ่งวินัยอัน นรเรียนและเชี่ยวชาญ(๙)
อีกคำเพราะบรรสาน(๑๐) ฤดิแห่งประชาชน
ทั้งสี่ประการล้วน จะประสิทธิ์มนุญผล
ข้อนี้แหละมงคล อดิเรกอุดมดี

๔. บำรุงบิดามา ตุระ(๑๑) ด้วยหทัยปรีย์
หากลูก(๑๒) และเมียมี ก็ถนอมประหนึ่งตน(๑๓)
การงานกระทำไป บ่มิยุ่งและสับสน(๑๔)
ข้อนี้แหละมงคล อดิเรกอุดมดี

๕. ให้ทาน ณ กาลควร(๑๕) และประพฤติสุธรรมศรี(๑๖)
อีกสงเคราะห์ญาติ(๑๗)ที่ ปฏิบัติบำเรอตน
กอบกรรมะอันไร้ ทุษะกลั้วและมัวมล(๑๘)
ข้อนี้แหละมงคล อดิเรกอุดมดี

๖. ความงดประพฤติบาป(๑๙) อกุศลบ่ให้มี
สำรวมวรินทรีย์ และสุราบ่เมามล(๒๐)
ความไม่ประมาทใน พหุธรรมะโกศล(๒๑)
ข้อนี้แหละมงคล อดิเรกอุดมดี

๗. เคารพ(๒๒) ณ ผู้ควร จะประณตและนอมศีร์
อีกหนึ่งมิได้มี จะกระด้างและจองหอง(๒๓)
ยินดี ณ ของตน บ่มิโลภทยานปอง(๒๔)
อีกรู้คุณาของ นรผู้ประคองตน(๒๕)
ฟังธรรมะโดยกา- ละ(๒๖) เจริญคุณานนท์
ข้อนี้แหละมงคล อดิเรกอุดมดี

๘. มีจิตตะอดทน และสถิต ณ ขันตี(๒๗)
อีกหนึ่งบ่พึงมี ฤดิดื้อทนงหาญ(๒๘)
หนึ่งเห็นคณาเลิด สมณาวราจารย์(๒๙)
กล่าวธรรมะโดยกาล(๓๐) วรกิจจะโกศล
ทั้งสี่ประการล้วน จะประสิทธิ์มนุญผล
ข้อนี้แหละมงคล อดิเรกอุดมดี

๙. เพียรเผากิเลสล้าง มละโทษะยายี(๓๑)
อีกประการหนึ่งประพฤติตดี ดุจะพรหมพิสุทธ์สรรพ์(๓๒)
เห็นแจ้ง ณ สี่องค์ พระอะรียะสัจอัน(๓๓)
อาจนำมนุษผัน ติระข้ามทเลวน
อีกทำพระนิพพา นะประจักษะแก่ชน(๓๔)
ข้อนี้แหละมงคล อดิเรกอุดมดี

๑๐. จิตใครผิได้ต้อง วรโลกะธรรมศรี
แล้วย่อมบ่พึงมี จะประหวั่นฤกังวล(๓๕)
ไร้โศก(๓๖) ธุลีสูญ(๓๗) และสบายบ่มั่วมล(๓๘)
ข้อนี้แหละมงคล อดิเรกอุดมดี

๑๑. เทวามนุษทำ วรมงคะลาฉนี้
เป็นผู้ประเสริฐที่ บ่มิแพ้ ณ แห่งหน
ย่อมถึงสวัสดี สิริทุกประเทศดล
ข้อนี้แหละมงคล อดิเรกอุดมดี

• ƒ ® ï Ë ñ Ð & F Ä Ñ •

ระหว่างเพื่อนกะแฟน...

******************

>อาหาร <
เพื่อน: ข้าวราดแกง / ก๋วยเตี๋ยว ราคาไม่เกิน 30แดกไรแพงๆวะ เปลืองชิบ
แฟน: แดกห่าอะไรก็ได้ที่มันไม่ใช่ข้างถนน

--------------------------

>ข้ามถนน <
แฟน: ระวังนะครับ! จับมือผมไว้
เพื่อน: อ้าว! เหี้ย… รอกูด้วย ข้ามไม่รอกูเลย

--------------------------

>เวลาเดิน <
แฟน: แนบชิดประหนึ่งตัวดูดแบบสุ??ญญากาศ
เพื่อน: เฮ้ย! ไปไกลๆกูหน่อยดิ ร้อนจะตายห่า!!

--------------------------
>บนรถเมล์ <
แฟน: นั่งก่อนเลยครับ เดี๋ยวผมยืนเอง
เพื่อน: เหยิบหน่อยดิวะ กูจะนั่งด้วย!

--------------------------

>เงิน <
แฟน: มีเสมอ..จ่ายไม่อั้น
เพื่อน: ไม่มีเสมอ... มึงออกไปก่อนละกัน เดี๋ยวกูให้

--------------------------

>มาสาย <
แฟน: ไม่เป็นไรครับ ผมรอได้
เพื่อน: ทำห่าไรอยู่วะ มาโคตรช้าเลย สาด (เพิ่งจะมาก่อนแม่ง ได้ 5 นาทีเหมือนกัน)

--------------------------

>ช่วยทำธุระ <
แฟน: ว่างเสมอ
เพื่อน: ไม่เคยว่าง ทำเองดิกูขี้เกียจ

--------------------------

>กลับบ้านดึก <
แฟน: เดี๋ยวผมไปส่งนะคับ กลับคนเดียวอันตราย
เพื่อน: กลับเองนะเว่ย ไม่วนส่งนะกูรีบ

--------------------------

>ป่วย <
แฟน: ประหนึ่ง ป่วยเอง
เพื่อน: เป็นห่าไรอีกวะ สำออยอะดิมึง… กูอยู่ร้านเดิมออกมาให้ไวเลย

---------------------------

>สอนหนังสือ <
แฟน: ไม่เข้าใจหรอคับ ไม่เป้นไรเดี๋ยวจะอธิบายให้ใหม่
เพื่อน: กูสอนมึงหลายรอบแล้วนะ ห่านี่แดกหญ้าแทนข้าวหรอไงวะ

--------------------------

>วาเลนไทน์ <
แฟน: ให้คุณได้ทุกอย่าง ยกเว้น ดาว เดือน และ ขนหน้าอก
เพื่อน: ……………(วันนี้มันไม่มีตัวตน)

--------------------------

>โดนทิ้ง <
แฟน: .....สาปสูญ..........
เพื่อน: ไม่เป็นไรเว้ย! ช่างแม่ง … มึงยังมีกูอยู่


...**ซึ้งคำว่าเพื่อน วูวววววววส์

• T H Ä Ñ K § •

• M ¥ * V ï Ð € ¤ •

Super Junior >> Full of happiness*

• M ¥ * Ï Ð ¤ £ •